“ฉันจะกลับไปบนเวทีอีกครั้ง ถึงแม้จะต้องคลานขึ้นไป หรือต้องใช้ภาษามือในการสื่อสาร กันก็จะขึ้นไป” คำพูดของ Celine ในวันที่กำลังรักษาอาการสูญเสียเสียงของตัวเองไปด้วยความผิดปกติทางระบบประสาทที่เกี่ยวเนื่องกับกล้ามเนื้อที่ใช้ในการออกเสียง ทำให้เธอต้องยกเลิกคอนเสิร์ตติดต่อกันหลายปี และต้องเข้ารับการรักษาซึ่งเธอบอกมันยากมากๆ
วันนี้ฟิล์มขอมาเล่าเรื่องราวย่อๆจากการได้ดูสารคดีเกี่ยวกับ Celine Dion ที่เพิ่งออกมาเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว และเป็นเรื่องที่ใกล้ชิดกับอาชีพของตัวเองซึ่งก็คือครูสอนการใช้เสียงและอีกอาชีพคือผู้ให้บริการ Laryngeal Manual Therapy หรือเรียกว่า Vocal Massage นั่นเอง ซึ่งหลังจากได้ดูสารคดีนี้แล้วก็อย่างให้หลายๆท่านได้ดูด้วย เพราะเสียงของเรามันคือตัวตนและชีวิตของเรา และยิ่งถ้าเป็นนักร้อง หรือนักแสดง หรือผู้ที่ใช้เสียงเป็นอาชีพแล้วด้วย ก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นอีก เรียกได้ว่า เสียง ถือเป็นทุกอย่างของชีวิตเลยก็ว่าได้
จากวีดีโอที่ผมตัดมาเล็กน้อย เป็นช่วงที่ Celine ให้สัมภาษณ์และร้องเพลงให้ฟังว่าตอนนี้เสียงของเธอไม่เหมือนเดิม เธอถึงกับร้องไห้ออกมา และพูดว่า “มันยากสำหรับชีวิตฉันมาก ฉันไม่อยากให้ใครได้ยินเสียงแบบนี้ของฉันเลย”
ถ้าจำกันได้ Celine ไม่ได้เปิดการแสดงต่อสาธารณชน ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2020 หลังจากที่เธอสูญเสียเสียงของเธอไป Celine ได้ให้คำนิยามว่าชีวิตของเธอนั้น very difficult, very painful, Challenging และ Scary
Celine เล่าจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้ว่า วันหนึ่งที่เธอกำลังร้องเพลงอยู่ เธอรู้สึกว่าเสียงร้องของเธอเริ่มกระตุก เธอใช้คำว่า Spasm ผมเลยขอแปลตรงๆว่า กระตุก นะครับ มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอแสดงที่ประเทศเยอรมัน หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เธอรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมเสียงได้เลย ลองวอร์มเสียงตามตารางปกติที่เธอทำ Celine ร้องขึ้นสูงได้ครั้งเดียว และเธอไม่สามารถขึ้นเสียงสูงได้อีกเลยในตอนนั้น
Celine เล่าให้หมอฟังว่า เธอรู้สึกว่า ไม่สามารถผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่คอได้เลย เมื่อจะต้องร้องเพลง จะรู้สึกว่ามีคนมากด บีบ ที่กล่องเสียงของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถออกเสียงได้ มันรู้สึกบีบเค้นไปหมด ตอนนั้นเธอรู้สึกกลัวไปหมดว่าอาชีพนักร้องของเธอจะต้องจบลง
เธอเล่าต่อว่า ครั้งหนึ่งก่อนการแสดงในปี 2008 เธอก็เริ่มรู้สึกได้แล้วว่า เธอไม่สามารถควบคุมเสียงได้ดีเหมือนเช่นเคย เธอถามคนรอบข้างด้วยอาการตื่นตกใจแต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบเธอได้ เธอก็ยิ่งตื่นตกใจมากขึ้น ทำให้อาการกระตุกเป็นมากขึ้น เสียงก็ยิ่งหายไปมากขึ้น ตอนนั้นหลังเวทีไม่มีใครช่วยเธอได้เลย มีคนเสนอให้เธอยกเลิกคอนเสิร์ตวันนั้น แต่เธอเลือกที่จะทำการแสดงต่อไป เธอรู้สึกว่าเสียงเธอเริ่มไม่ค่อยเหมือนเดิม เพราะว่ามันเริ่มขึ้นจมูก (Nasal) มากขึ้น (ผมขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมว่า กลไกที่ทำให้เสียงขึ้นจมูกนั้น สามารถเกิดได้จากการบีบเกร็งคอและกล้ามเนื้อต่างๆที่ใช้ในการออกเสียงได้ ไม่ได้มีแค่สาเหตุเดียวอย่างที่เคยเข้าใจกันว่าเกิดจากการลดตัวต่ำลงของเพดานอ่อนในปากครับ)
เธอเล่าว่าตอนนั้นหลังเวทีก็ปั่นป่วนมาก แม้กระทั้ง Sound Engineer เองก็พยายามช่วยอย่างสุดความสามารถ ทั้งการเพิ่มเสียง เพิ่ม reverb ทำทุกทางให้เสียงของเธอออกจากลำโพงได้ใกล้เคียงกับเสียงที่ผู้ชมคาดหวังเอาไว้ เธอจำเป็นต้องหาทางต่างๆเพื่อให้เธอร้องเพลงต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการลดคีย์เล็กน้อย การหาช่องเสียงที่บางครั้งมันจะทำให้เธอร้องแล้วได้เสียงขึ้นจมูก เธอก็จะต้องทำ และบางครั้ง Celine จำเป็นต้องแกล้งทำเป็นว่าไมโครโฟนเสีย หรือไม่ก็ชี้ไมค์ไปทางคนดูเพื่อให้คนดูช่วยเธอร้อง เพื่อเบี่ยงเบนความจริงที่ว่าเธอไม่สามารถร้องท่อนนั้นได้
บทสัมภาษณ์ต้นฉบับ
หลังปี 2016 ที่เธอต้องสูญเสียสามีไป Celine ก็ยังคงไม่หยุดทัวร์คอนเสิร์ต เธอยังคงทำงานอย่างหนัก และสุขภาพของเธอเริ่มย้ำแย่ลง ไม่ใช่แค่คอของ Celine ที่เกร็ง แต่เริ่มลามไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย เธอเลือกที่จะกินยา Diazepam ที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อด้วยโดสที่สูงมากซึ่งสามารถฆ่าชีวิตของเธอได้ เธอต้องทานยาสูงถึง 90 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะว่าร่างกายของเธอนั้นชินกับโดสยาต่ำๆไปแล้ว บางครั้งฤทธิ์ยาอยู่ได้เพียง 20 นาทีเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อระยะเวลาการแสดงของเธอ
ในช่วงที่โควิดระบาดและทุกอย่างหยุดนิ่ง Celine มีโอกาสได้ดูแลตัวเองมากขึ้น เธอลองหยุดยา แต่ว่าอาการก็ยังกำเริบหนักขึ้น เธอเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกายรวมถึงการเดินจากห้องนึงไปอีกห้องนึงด้วย หลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติหลังจากการระบาดของโรคโควิด เธอมีความคิดจะเปิดการแสดงอีกครั้ง แต่สุดท้ายเธอก็ยังไม่สามารถทำการแสดงได้เพราะเสียงของเธอยังไม่กลับมาปกติ
ในเดือนเมษายน ปี 2022 เธอได้โพสต์วีดีโอถึงแฟนเพลงเกี่ยวกับตัวเธอ มีใจความว่า “ฉันกำลังพยายามอย่างหนักที่จะทำให้ฉันกลับมาเป็น Celine คนเดิม ที่จะขึ้นเวทีและทำได้ 100% เหมือนอย่างที่เคยเป็น เพราะนั้นคือสิ่งที่คุณ (คนดู) สมควรได้รับมัน”
ท้ายที่สุด Celine ก็ได้คำตอบว่าเธอป่วยด้วยอาการ Stiff-Person Syndrome (SPS) โดยภาษาไทยให้คำนิยามว่า โรคคนแข็ง ซึ่งทำให้มีอาการกระตุก กล้ามเนื้อกระตุก มักจะเกิดในช่วงลำคอ แขน และขา บางคนมีอาการหนักมากจนเดินไม่ได้ต้องนั่งวีลแชร์
ในสารคดีนี้ยังมีเรื่องราวน่าสนใจอีกมากมาย แต่สิ่งที่ Celine ได้พูดก่อนจบสารคดีเรื่องนี้นั้น เป็นสิ่งที่ผมอยากให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความตั้งใจของเธอที่จะกลับไปยืนอยู่บนเวทีในฐานะ Celine Dion คนเดิม
เธอกล่าวด้วยน้ำตาว่า “ฉันจะกลับไปบนเวทีอีกครั้ง ถึงแม้จะต้องคลานขึ้นไป หรือต้องใช้ภาษามือในการสื่อสาร กันก็จะขึ้นไป ฉันจะไม่กลัวเส้นเสียงของฉันอีกต่อไป ฉันจะกลับไปบนเวทีและร้องโน้ตพวกนั้นอีกครั้ง ฉันจะกลับมามีช่วงเวลาดีๆบนเวทีอีกครั้ง”
Celine จบท้ายด้วยการร้องเพลงสั้นๆอีกครั้ง และพูดกับแฟนๆว่า ฉันอยากเชิญทุกคนมาร้องเพลงกับฉันอีกครั้ง ก่อนจะจบสารคดีเกี่ยวกับตัวเธอชิ้นนี้
ใครอยากดูสารคดีชิ้นนี้แบบเต็มๆ ผมโพสต์ลิงค์ไว้ที่คอมเม้นต์นะครับ
*ขอออกตัวว่าผมแปลภาษาไม่สวยเลย แต่พยายามเขียนให้อ่านง่ายเท่าที่จะทำได้นะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับเสียงของตัวเอง และมีความสุขกับเพลงของ Celine Dion ครับ
